สาเหตุที่พูดไม่คล่องคืออะไร?
สาเหตุที่ผู้เรียนยังรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่คล่องก็เพราะ
“ไม่ได้พูดบ่อย” นั่นเอง นั่นคือ
“ผู้เรียนยังไม่ได้อ้าปากพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษบ่อยมากพอ” เพราะคำว่า
“พูดคล่อง” แปลความหมายออกมาตรงๆ ก็คือ
“ผู้พูดได้เคยอ้าปากพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษแล้วนับชั่วโมงไม่ถ้วน”
ถ้าผู้เรียนต้องการที่จะพูดคล่อง ก็มีทางเดียวที่จะทำได้คือ
“หาทางพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ปริมาณที่มากที่สุด
และให้ได้ชั่วโมงที่มากที่สุด” เท่าที่ต้องการ นั่นก็คือ
ยิ่งผู้เรียนต้องการที่จะพูดคล่องมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งต้องเพิ่มชั่วโมงการพูดให้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่มีทางลัดอื่น
แล้วจะแก้ได้อย่างไร?
การฟังเป็นภาค Input ของการพูด ก่อนที่เราจะฝึกพูดได้ เราต้องฝึกฟังให้ได้ก่อน การจะฟังให้ได้ดีก็จะต้องมีชั่วโมงการฟังที่มากพอ ฟังบ่อยจนเป็นอัตโนมัติ ฟังให้ออกทุกคำ ฟังให้รู้ความหมายทุกประโยค เมื่อทักษะการฟังของเราอยู่ตัวดีแล้ว อัตโนมัติดีแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการฝึกพูดซึ่งเป็นทักษะภาค Output
การฟังเป็นภาค Input ของการพูด ก่อนที่เราจะฝึกพูดได้ เราต้องฝึกฟังให้ได้ก่อน การจะฟังให้ได้ดีก็จะต้องมีชั่วโมงการฟังที่มากพอ ฟังบ่อยจนเป็นอัตโนมัติ ฟังให้ออกทุกคำ ฟังให้รู้ความหมายทุกประโยค เมื่อทักษะการฟังของเราอยู่ตัวดีแล้ว อัตโนมัติดีแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการฝึกพูดซึ่งเป็นทักษะภาค Output
สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบว่าทักษะการฟังของตัวเองมีมากพอหรือยัง ให้ดาวน์โหลดจากเว็บ VOA Special English มาทดลองฟังดู ถ้าฟังแล้วรู้เรื่องดี มีฟังไม่ออกบ้างก็เฉพาะชื่อคน ชื่อสถานที่ หรือชื่อเฉพาะอื่นๆ บ้าง เป็นบางชื่อเท่านั้น ท่านก็สามารถฝึกพูดตามเทปได้ ทดสอบให้แน่ใจอีกทีได้โดยการถอดบทความที่ได้ฟังออกมาเป็นตัวหนังสือ เพื่อที่จะได้เอาไว้ตรวจสอบการพูดในขั้นตอนสุดท้ายได้ต่อไป |
เราต้องฝึกพูดเองด้วยการใช้คลิบเสียงเป็นตัวช่วย ไม่ต้องใช้ฝรั่งตัวเป็นๆ เพราะเราต้องการชั่วโมงการฝึกที่มากพอสมควร และจะต้องทำการฝึกซ้ำๆ เพื่อที่จะให้เกิดความชำนาญ หลายคนอาจจะเคยมีปัญหาในกรณีที่ต้องการทวนประโยค ถ้าหากมีประโยคใดประโยคหนึ่งที่ผู้เรียนฟังไม่ทัน หรือฟังทันแล้วแต่ไม่ get และต้องขอให้ผู้พูดพูดทวนประโยคนั้น การพูดทวนแค่ครั้งสองครั้งไม่เป็นไร แต่เมื่อทวนหลายครั้งเข้าผู้พูดทวนให้เราฟังอาจจะหงุดหงิดได้ ซึ่งเมื่อเราใช้คลิบเป็นตัวช่วยจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ดี คลิบเสียงที่จะนำมาใช้ฝึกพูดไม่ควรมีความเร็วมากเกินไป ความเร็วจะต้องพอให้ผู้ฝึกสามารถพูดตามได้ ไม่ควรมีการพูดอธิบายเป็นภาษาไทยไว้ เพราะจะทำให้ความคิดที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่เกิดการสะดุดขึ้นได้ และที่สำคัญสำเนียงต้องชัดเจนและฟังง่าย
จากนั้นก็ลงมือฝึก ก่อนอื่นผู้ฝึกต้องฟังหลายๆ รอบก่อน เพื่อที่จะสามารถฟังได้อย่างชัดเจน และฝึกพูดตามได้ เมื่อฟังชัดเจนดีแล้วก็ลงมือหัดพูดตาม ประโยคต่อประโยค ฟังหลายๆ รอบ และอ้าปากพูดออกมา “ตาม” จังหวะจะโคนของต้นแบบจากเทป แรกๆ ผู้ฝึกจะรู้สึกว่าออกเสียงบางคำไม่คล่อง และลิ้นมักจะพันกัน ไม่เป็นไรให้ฝึกไปเรื่อยๆ ฝึกพูดซ้ำประโยคเดิมหลายๆ ครั้ง จนสามารถพูดออกมาได้อย่างสบายใจ มั่นใจ ไม่เคอะเขิน บทสนทนาโดยทั่วไปจะมีจำนวนประโยคประมาณ 350 ประโยคต่อ 30 นาที ดังนั้น การฝึก 1 ชั่วโมงจะทำให้เราสามารถอ้าปากพูดเป็นภาษาอังกฤษออกมาได้ถึง 700 ประโยค ฝึก 10 วันเท่ากับ 7,000 ประโยค ฝึก 30 วันเท่ากับ 21,000 ประโยค ถ้าฝึกเช้า 1 ชั่วโมง บวกเย็น 1 ชั่วโมง ภายใน 1 เดือนผู้ฝึกจะได้อ้าปากพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษมากถึง 42,000 ประโยค ซึ่งปริมาณที่ได้นี้เพียงพอแน่นอนสำหรับการฝึกพูดเพื่อให้เกิดความคล่องนั่นเอง
No comments:
Post a Comment